Sichon Heritage
รายละเอียดสถานที่
/ รายละเอียดสถานที่ / ศาลเจ้าตาปะขาว
ศาลเจ้าตาปะขาว

รายละเอียด

ณ ศาลเจ้าแห่งนี้มีรูปเคารพได้แก่ ต้าแปะกง (เชื่อกันว่าคนท้องถิ่นเรียกต้าแปะกงเพี้ยนเป็นตาปะขาว) เทพกวนอู เจ้าแม่กวนอิม และพระพุทธรูป ไม่มีป้ายจารึก ศาลเจ้าตาปะขาวมี 2 ศาล ศาลแรกจะอยู่ด้านล่างมีขนาดเล็กและศาลใหม่อยู่ด้านบน


อายุสมัย/ยุค
พุทธศตวรรษที่ 25 (พ.ศ.2401-2500)

ที่อยู่
หมูที่ 1 ตำบล สิชล พิกัด (9.013980,99.916478)

สถานะ
อยู่ในความดูแลของชาวบ้าน/วัด/ชุมชน

ผู้ครอบครอง/ผู้ดูแล
กรรมการศาลเจ้า

ศาสนา
พุทธแบบจีน

เรื่องเล่าประเพณี

นายเชาวลิต อิศรเดชให้ข้อมูลว่าตั้งแต่เขาเกิดก็เห็นศาลแห่งนี้แล้วแต่เป็นแค่ศาลเล็ก ๆ ทำด้วยสังกะสี เวลาผ่านไปมีเถ้าแก่ในสิชลมาปรับปรุง เช่น โกเส โกติ้น เฮ้งซุ้ย เป็นต้น ถือเป็นศาลแรกในปากน้ำ นายสุธรรม วิชชุไตรภพให้ข้อมูลว่า เริ่มต้นชุมตรงนี้มีกลุ่มคน 3 กลุ่มอาศัยอยู่คือ หนึ่งกลุ่มชาวจีนที่อพยพมากเมืองจีนโดยการล่องเรือใบจากไหหลำมาขึ้นฝั่งบริเวณนี้และตั้งรกรากที่นี้ เมื่อกลุ่มคนจีนอพยพมาจึงมาตั้งศาลเจ้าตาปะขาว กลุ่มที่สองคือมุสลิมมาทำประมงหาปลา กลุ่มที่สามคือชาวไทยเข้ามาเป็นลูกจ้าง พื้นที่บริเวณนี้แรกว่าปากน้ำสิชล เมื่อครั้งอดีตปากน้ำสิชลยังไม่มีวัดหรือสถานที่ไว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กลุ่มชาวจีนจึงตั้งศาลเจ้าขึ้นมาเรียกว่า “ศาลตาปะขาว” เพื่อไว้เป็นที่สักการะเมื่อต้องออกเรือไปทำธุระกิจ เดิมที่มีการตั้งศาลเจ้าเล็ก ๆ ไว้ 1 ศาลอยู่ด้านล่างของศาลปัจจุบัน มีป้ายบอกชื่อศาลเจ้าว่า “ศาลเจ้าตาปะขาว” ด้านในจะมีไม้แกะสลักเป็นรูปเทพเจ้าต่าง ๆ ลักษณะเป็นรูปขุนศึก รูปแกะสลักเหล่านี้กลุ่มชาวจีนได้นำลงเรือมาจากเมืองจีนแล้วนำขึ้นมาสักการะยังสถานที่นี้ อายุของศาลเจ้าไม่ทราบแน่ชัด นายสุธรรม วิชชุไตรภพกล่าวว่า ตั้งแต่เกิดได้เห็นศาลเจ้าตั้งอยู่ก่อนแล้ว ต่อมาคนรุ่นที่สองเช่น รุ่นบิดาของนายสุธรรม วิชชุไตรภพได้ร่วมกันพัฒนาศาลเจ้าจนมีความเจริญสูงสุดถึงขั้นรับคณะงิ้วมาแสดง (เริ่มประมาณปี พ.ศ. 2514) ต่อมามีการแสดงลิเก โนรา และหนังตะลุง และสุดท้ายคนรุ่นที่สามคือกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ได้มีการบริหารศาลเจ้าให้ทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร้วมในการพัฒนาศาลเจ้า ใครสามารถเข้ามาเป็นเถ้าแก่ในการดูแลศาลเจ้าก็ได้โดยผ่านการสมัครเข้ามาและจะทำการทอดเบี้ย ในการตัดสินว่าใครจะได้เป็นเถ้าแก่ เถ้าแก่จะมีสิทธิ์ในการบริหารทุกอย่าง ส่วนผู้อาวุโสจะยกไว้เป็นที่ปรึกษา สำหรับความเชื่อของชาวปากน้ำที่ศรัทธาในศาลเจ้าตาปะขาวคือ เชื่อถือมาแต่ครั้งโบราณ และเหตุการณ์สำคัญอีกเหตุการณ์หนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาต่อศาลเจ้าตาปะขาวคือ เหตุการณ์ไฟไหม้ที่ปากน้ำ ชาวบ้านรีบเข้าไปช่วยกันดับไฟ และเรื่องโรคติดต่ออหิวาตะกะโรค และสุดท้ายเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเรือญี่ปุ่นมาจอดที่ปากน้ำสิชลแต่เข้ามาไม่ได้ ทุกครั้งที่เกิดเหตุชาวบ้านจะเห็นตาปะขาวมาแสดงกายและช่วยให้เหตุการณ์ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี นายสุธรรม วิชชุไตรภพให้ความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเชื่อที่มีต่อศาลตาปะขาวว่า ด้วยอาชีพประมงที่ทำอยู่ต้องเผชิญกับความอันตรายขณะออกทะเลจึงต้องหาเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ดังนั้นจึงเชื่อมั่นในศาลเจ้าตาปะขาวว่าสามารถคุ้มครองภัยให้กับชาวประมงได้ ทุกครั้งที่มีการออกเรือจะมีการบนบาน ขอพร จุดประทัดเพื่อเป็นการเบิกฤกษ์ มีการถวายหัวหมูบ้าง เครื่องไหว้เจ้าบ้างซึ่งชาวจีนเองมีประเพณีเหล่านี้อยู่แล้วก่อนออกเรือ เมื่อกล่าวถึงชาวจีนที่มาทำการค้าและครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินแถบนี้นายสุธรรม วิชชุไตรภพให้ข้อมูลว่า มี 3 คนคือ หนึ่งพื้นที่ปากน้ำสิชลถึงตลาดบนบริเวณนี้ที่เป็นตลาดและพื้นที่ส่วนใหญ่ (เกือบทั้งหมด) จะเป็นของแจ็กช้าว (ตระกูลชีวานิชย์) สองแ”จ็กหมายโก้” (ปัจจุบันนามสกุล ศิริชล) จะครอบครองที่ดินทั้งทะเลและภูเขา และสามแจ็กกิมหู้ (ตระกูลวิชชุไตรภพ มารดาของนายสุธรรม วิชชุไตรภพถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน) หากใครจะเข้ามาบริเวณนี้ค่อนข้างยากเพราะชาวจีนทั้งสามตระกูลข้างต้นได้ครอบครองหมดแล้ว กลุ่มคนทั้งสามนี้เองก็ศรัทธาในศาลตาปะขาวมาก นอกจากนี้นายสุธรรม วิชชุไตรภพให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในศาลตาปะขาวหลังเก่ากับหลังใหม่เป็นคนละองค์กันเพราะตำนานไม่เหมือนกัน ศาลตาปะขาวหลังใหม่สร้างโดยคนในพื้นที่ แต่ศาลตาปะขาวหลังเก่า (องค์เล็ก) สร้างโดยชาวจีนที่แล่นเรือใบมาตามล่าปลาจะละเม็ดดำ ตามล่ามาจนถึงที่ตรงนี้ซึ่งเรียกว่าท่าเรือไฟ มาติดลมพายุอยู่แรมเดือนจึงใช้เวลาที่ออกเรือไม่ได้มาตั้งศาลตาปะขาว เดิมบริเวณตรงนี้ที่ตั้งศาลเก่าเป็นป่ารก ด้วยเหตุนี้เองนายสุธรรม วิชชุไตรภพจึงลคาดการว่าศาลตรงนี้มาจากไหหลำและต้นตะกูลของนายสุธรรม วิชชุไตรภพเองก็จะไหว้ที่ศาลเก่าทุกปี บริเวณแถบนี้จึงเป็นชาวจีนไหหลำเสียส่วนใหญ่


ประเพณีที่เกี่ยวข้อง
(คำอธิบายเกี่ยวกับประเพณี ช่วงที่จัด ขั้นตอนที่ดำเนินการ)

พิธีทอดขนมเต่า หลังตรุษจีน 15 วัน


ผู้ให้ข้อมูล (ชื่อ-สกุล)

นายเชาวลิต อิศรเดช อายุ 71 ปี และนายสุธรรม วิชชุไตรภพ อายุ 84 ปี


การติดต่อผู้ให้ข้อมูล
1. นายเชาวลิต อิศรเดช (0649659109) 2. นายสุธรรม วิชชุไตรภพ (0819788338)

วันที่เก็บข้อมูล
26 ส.ค. 2566

แผนที่

ภาพที่เกี่ยวข้อง
ไม่ปรากฏภาพที่เกี่ยวข้อง

103 views
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
ถ้ำเขาพรงตะวันออก
ถ้ำเขาพรง นับเป็นถ้ำเก่าแก่ถ้ำหนึ่งของหมู่ 15 ต. ทุ่งปรัง อ.สิชล สถานที่ตั้งอยู่บนภูเขามีพระพุทธรูปทั้งพระนออนและพระนั่งประดิษฐานอยู่ในถ้ำและมีของเก่าแก่มากมายที่เหมาะกับเป็นแหล่งศึกษาด้านประวัติศาสตร์และศาสนา สำหรับถ้ำเขาพรงมีสองฝั่งคือ ถ้ำเขาพรงตะวันออกและถ้ำเขาพรงตะวันตก จากการลงพื้นที่และสัมภาษณ์นายวิชัย อาจหาญ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณหน้าถ้ำเขาพรงให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า บริเวณนี้ยังมีถ้ำนาคราชอีกถ้ำหนึ่ง
อ่านเพิ่มเติม
ถ้ำนาคราช
ถ้ำนาคราชตั้งอยู่ที่เขาพรงตะวันออก มีลักษณะเป็นถ้ำ เพิงผาถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ขนาดต่าง ๆ ภายในถ้ำเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยเป็นรูปต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือรูปพญานาค หากมีฝนตกหนักในช่วงฤดูฝนอาจมีน้ำท่วมขังภายในถ้ำ และบริเวณ
อ่านเพิ่มเติม
ศาลพ่อท่านม่วงทอง

ศาลพ่อท่านม่วงทองตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2483 สร้างขึ้นโดยชาวแต้จิ๋ว ศาลเดิมตั้งอยู่ในป่าพรุ เป็นอาคารไม้เมื่อถึงฤดูน้ำหลากฝนตกหนักน้ำจะท่วมถึงจึงย้ายมาสร้างใหม่ ณ พื้นที่ปัจจุบัน มีจารึกภาษาจีนระบุว่า “หลี่จี่ หลี่หลิง ชาวผูหนิงเป็นผู้จ่ายเงินก่อสร้างในปี พ.ศ. 2483” สำหรับรูปเคารพจะมี 3 ศาสนาอยู่ในศาลแห่งนี้ กล่าวคือ พ่อท่านม่วงทองเป็นรูปเคารพของคนไทยเชื้อสายไทยแท้ พ่อท่านขอยเตี๋ย (นำมาจากวัดขอยเตี๋ย ปัจจุบันร้างไปแล้ว) เป็นรูปเคารพของคนจีน และพ่อท่านกลายเป็นรูปเคาระของอิสลาม โกเคียงให้ข้อมูลว่า “รูปเคารพทั้งสามถูกนำมาจากประเทศจีนโดยตรง” ปัจจุบันมีการเสริมรูปเคารพ กวนอู และเจ้าแม่ทับทิมเข้าไปด้วย

อ่านเพิ่มเติม