ครั้งอดีตเคยมีการทำเทียนถวายวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
วัดถ้ำเทียนถวายเมื่อมองออกไปจะเห็นภูเขาวัดถ้ำ ภูเขาแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยผืนป่า มีต้นไม้นานาชนิด และมีถ้ำหลายแห่ง สำหรับลักษณะของภูเขาวัดถ้ำมีลักษณะเป็นหน้าหลาก ในอดีตเคยเป็นที่อยู่ของผึ้ง ทั้งบนต้นไม้และหน้าผา สันนิษฐานว่า อาจนำขี้ผึ้งบริเวณหน้าผาไปทำเทียนด้วย สำหรับวิธีการจับผึ้งในสมัยก่อนหากมีผึ้งอยู่บนต้นไม้หลายญวณ ต้องจุดธูป เทียน นำใบไม้มา 3 ใบมาประกบกันและท่องคาถาและตอกลงบนต้นไม้ มีการช้านางผึ้ง (บูชา) หากบนหน้าผาต้องหาคนมีวิชาอาคมจึงจะขึ้นไปจับผึ้งได้ ปัจจุบันวิธีการจับผึ้งก็ยังคงต้องทำพิธีก่อนจับผึ้งเสมอเช่นกันแต่อาจตัดทอนบางขั้นตอนไป และด้วยมีผึ้งมากวัดถ้ำเทียนถวายจึงมีหน้าที่ทำเทียนโดยใช้ขี้ผึ้งจากถ้ำวัดเขาส่วนหนึ่งเพื่อถวายแด่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร แม้ว่าวัดถ้ำเทียนถวายจะมีหน้าที่ทำเทียนเพื่อส่งไปยังวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร แต่หน้าที่ทำเทียนเป็นของคนในชุมชนแห่งนี้อยู่ก่อนเพราะชุมชนแถบนี้เป็นชุมชนใหญ่มาแต่เดิม (ชุมชนใน อ. สิชลแบ่งเป็น 2 ยุค คือ ยุคพราหมณ์ และยุคพุทธ) ชุมชนแถบนี้จะอยู่อาศัยกันเป็นหย่อม ๆ มีพื้นที่นาเป็นส่วนใหญ่ รอบนาจะสร้างบ้านบนโคก ถัดมาจะเป็นนาและมีเขาวัดถ้ำเทียนถวายเป็นศูนย์กลาง
กองพุทธศานสถาน สำนักงานพระพุทธศานาแห่งชาติ. (ม.ป.ป.). ประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่ม 23. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สำนักงานพระพุทธศานาแห่งชาติ
เป็นเตารูปทรงคล้ายจอมปลวก สูง 80 เซนติเมตร กว้างด้านละ 2 เมตร มีช่องเข้าทางทิศตะวันออก วัสดุที่ครอบเตาเป็นตะกรันเหล็ก ลักษณะของเตาที่พบมีความสอดคล้องกับเตาถลุงเหล็กที่พบทางภาคเหนือ สันนิษฐานว่าเป็นฝีมือช่างทางเหนือสมัยถูกต้อนมายังเมืองอลองเมื่อครั้งอดีต
บ้านหลังนี้เดิมที่เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง ไม้ที่สร้างบ้านถูกรื้อมาจากเรือนหลังเก่าของขุนทิพย์พิมล ปัจจุบันใต้ถุนบ้านปรับปรุงใหม่โดยก่ออิฐถือปูน เมื่อขึ้นไปด้านบนพบกับลานกว้าง ๆ มีห้องอยู่ด้านข้าง 2 ห้อง ห้องด้านข้างสร้างไว้สำหรับลูกสาว ส่วนลานกว้างไว้เป็นที่หลับนอนของลูกชาย ที่บ้านหลังนี้มีภูมิปัญญาการเจาะไม้กระดานไว้นอกชานบ้านให้เป็นช่องเพื่อใช้สำหรับปัสสาวะของผู้หญิงบนเรือน ห้องน้ำแยกออกจากตัวบ้าน มีครัวอยู่ใต้ถุนบ้าน